วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

สมาชิกชมรมนกเขาชวาเสียงอำเภอจะนะ 147 แห่ง เร่งพัฒนาฟาร์มนกเขาเพื่อยกระดับมาตรฐานการเลี้ยงสู่ระดับสากล รองรับการส่งออกตลาดนกเขาชวาเสียงในกลุ่มประเทศอาเซียน

ข่าว สันติภาพ รามสูต / สมาชิกชมรมนกเขาชวาเสียงอำเภอจะนะ 147 แห่ง เร่งพัฒนาฟาร์มนกเขาเพื่อยกระดับมาตรฐานการเลี้ยงสู่ระดับสากล รองรับการส่งออกตลาดนกเขาชวาเสียงในกลุ่มประเทศอาเซียน 

อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งเพาะพันธุ์นกเขาชวาเสียง ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในกลุ่มของผู้เลี้ยงนกเขาชวาทั้งในและต่างประเทศ โดยปัจจุบันได้มีการรวมกลุ่มกันตั้งเป็นชมรมนกเขาชวาเสียงอ.จะนะ ขึ้นมีสมาชิกทั้งหมด 147 ราย นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้เลี้ยงรายย่อยอีกหลายรายและแทบทุกหลังคาเรือนจะมีกรงนกเขาแขวนไว้หน้าบ้าน แต่จากปัญหาการระบาดของโรคไข้หวัดนกเมื่อปี47 ทำให้การส่งออกนกเขาชวาเสียงไปยังตลาดในประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียต้องหยุดชะงัก และเป็นในลักษณะการลักลอบส่งออก ทำให้ขณะนี้บรรดาฟาร์มเพาะเลี้ยงนกเขา ในพื้นที่อ.จะนะ ต้องปรับตัวและเร่งพัฒนาฟาร์มเพาะเลี้ยงนกเขาให้ได้มาตรฐานตามที่กรมปศุสัตว์กำหนด ทั้งระบบการจัดการฟาร์ม การเลี้ยง และการควบคุมโรค ให้เหมือนกับฟาร์มการเลี้ยงสัตว์ปีกในระดับส่งออกทั่วไป เพื่อให้ได้ใบรับรองมาตรฐานจากกรมปศุสัตว์และเป็นใบเบิกทางในการส่งออกนกเขาชวาเสียงไปยังตลาดต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะในอินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งขณะนี้ทางกรมปศุสัตว์กำลังประสานความร่วมมือกับทั้งสองประเทศเพื่อให้สามารถกลับมานำเข้าส่งออกนกเขาชวาเสียงอย่างถูกต้องตามกฏหมายอีกครั้งในต้นปีหน้า นายดิเรก โดดะแซ เจ้าของฟาร์มเลี้ยงนกเขาตอเล๊ะ ในพื้นที่หมู่6 ต.ตลิ่งชัน อ.จะนะ หนึ่งในฟาร์มเพาะเลี้ยงนกเขาชวาเสียงที่ใหญ่ที่สุดในอ.จะนะ โดยมีนกเขาชวาในฟาร์มกว่า 1 พันตัวและแต่ละปีสามารถทำเงินจากการส่งออกนกเขากว่า 2 ล้านบาท และมีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ระดับราคา1 ล้านบาทอยู่ในฟาร์ม1 คู่ กล่าวว่า   ผู้ประกอบการฟาร์มนกเขาในอ.จะนะ ทั้งรายเล็กและรายใหญ่จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อพัฒนาฟาร์มเลี้ยงนกเขาให้ได้มาตรฐานในระดับสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าต่างประเทศรองรับการก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ซึ่งเชื่อว่าตลาดยังขยายตัวได้อีกมาก และจะเป็นสัตว์เศรษฐกิจอีกตัวหนึ่งชนิดของไทยที่จะสามารถสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศได้นับร้อยล้านบาทในแต่ละปี นอกเหนือจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งกรงนก อาหาร และอุปกรณ์การเลี้ยงซึ่งสร้างรายได้ในระดับชุมชน ทั้งนี้เนื่องจากการส่งออกนกเขาไปยังต่างประเทศยังคงประสบปัญหาและถูกกีดกันเพราะทุกประเทศยังห่วงเรื่องโรคไข้หวัดนก ที่สำคัญคือกลุ่มผู้เลี้ยงนกเขาในอ.จะนะ จะต้องรวมตัวเพื่อรักษาชื่อเสียงคุณภาพของนกเขาชวาเสียงในอ.จะนะ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์และคุณภาพเสียงเฉพาะตัวให้อยู่อันดับหนึ่งของกลุ่มประเทศอาเซียน เนื่องจากขณะนี้หลายประเทศพยายามพัฒนาสายพันธุ์นกเขาชวาเสียงให้สามารถเทียบเคียงกับสายพันธุ์ของนกเขาจะนะ